วัสดุปลูกที่แนะนำสำหรับการปลูกสร้างสวนยางมีอยู่หลายชนิด เช่น ต้นตอตายาง ต้นยางชำถุง และต้นกล้าติดตาในแปลง เป็นต้น
แต่ละชนิดที่เกษตรกรนิยมใช้ปลูกสร้างสวนยางกันอย่างแพร่หลายในปัจจุบันคือ ต้นยางชำถุง ทั้งนี้เพราะเป็นวิธีการที่ได้รับผลสำเร็จสูงสุด เมื่อเปรียบเทียบกับวิธีการอื่น ๆ การเจริญเติบโตของต้นยางหลังจากปลูกไม่หยุดชะงัก ได้ต้นยางที่เจริญเติบโตสม่ำเสมอ ช่วยลดช่วงระยะเวลาดูแลรักษาสวนยางอ่อนให้สั้นลง สามารถเปิดกรีดได้เร็วกว่าการปลูกด้วยต้นตอยาง และต้นกล้าติดตาในแปลง นอกจากนี้ต้นยางชำถุงยังเหมาะสำหรับใช้เป็นต้นยางปลูกซ่อมได้ดีอีกด้วย
การผลิตต้นยางชำถุง
การผลิตต้นยางชำถุงโดยทั่วไปสามารถผลิตได้ 2 วิธีคือ
- การปลูกต้นกล้าเพื่อติดตาในถุง
- การปลูกด้วยต้นตอยาง

สำหรับวิธีการปลูกต้นกล้าเพื่อติดตาในถุง โดยการปลูกต้นกล้าในถุงเมื่อต้นกล้าอายุ 6-8 เดือน หรือลำต้นของต้นกล้าที่บริเวณติดตามีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางไม่น้อยว่า 1.0 ชม. จึงทำการติดตา จากการศึกษาในประเทศมาเลเซียพบว่า การติดตาในถุงขนาด 8x20 นิ้ว ประสบผลสำเร็จร้อยละ 92-95 ส่วนในประเทศไทยนิยมติดตาในถุงเฉพาะในบางพื้นที่ที่มีปัญหาหน้าดินตื้น ไม่สามารถปลูกสร้างแปลงกล้ายางได้ โดยมักใช้ถุงขนาด 3 1/2 x 12 นิ้ว ซึ่งยังไม่มีรายงานที่ชัดเจนว่า การติดตาได้รับผลสำเร็จมากน้อยเพียงไร แต่ก็เป็นที่น่าสังเกตว่าการปลูกต้นกล้ายางในถุงเป็นระยะเวลานาน ๆ สภาพของต้นกล้ายางมีความสำบูรณ์ค่อนข้างต่ำ เพราะเจริญเติบโตในถุงที่มีดินจำกัด ระบบรากของต้นยางบางส่วนจะม้วนเป็นก้อนบริเวณก้นถุง และบางส่วนจะแทงทะลุก้นถุงลงในดิน เมื่อขนย้ายไปปลูกจะทำให้ระบบรากขาด และมีผลกระทบต่อการเจริญเติบโตของต้นยางติดตาในถุง นอกจากนี้ยังพบว่าถุงที่บรรจุดินมีสภาพฉีกขาดเสียหายเพราะแสงแดดเผา ส่วนการผลิตต้นยางชำถุงด้วยวิธีการปลูกต้นตอตายาง เป็นวิธีการที่นิยมปฏิบัติกันอย่างกว้างขวาง โดยการนำต้นตอตายางมาปลูกในถุงที่บรรจุดินขนาด 4 1/2 x 14 นิ้ว ดูแลรักษานานประมาณ 50-60 วัน ก็จะได้ต้นยางชำถุงขนาด 1 ฉัตร พร้อมที่จะขนย้ายไปลูกในแปลง
1. การเลือกสถานที่สร้างแปลง
- ควรตั้งอยู่ใกล้แหล่งน้ำ และมีน้ำเพียงพอตลอดปี
- ควรเป็นพื้นที่ราบ มีการระบายน้ำดี
- ควรตั้งอยู่ในแหล่งที่มีการปลูกสร้างสวนยาง
- การคมนาคมสะดวก
การปลูกต้นยางชำถุง
การปลูกต้นยางชำถุง อ่านรายละเอียด
>>>> อ่านต่อ Click
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น